Reivew: รางวัลกิจกรรม Kiehl’s จากพันทิป

Image
    หลังจากได้ร่วมกิจกรรมกับทางพันทิป และสกินแคร์ Kiehl’s ( คีลส์ ) เราก็ได้เป็นผู้โชคดีได้ผลิตภัณฑ์เซ็ตใหญ่มาใช้ค่ะ วันนี้เลยจะมารีวิวหลังจากที่ได้ลองใช้มาระยะหนึ่งแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง … ก่อนไปรีวิว เราต้องขอขอบคุณทางพันทิป และ Kiehl’s มากๆที่มอบรางวัลสุดพิเศษนี้ให้ค่ะ Calendula Herbal-Extract Toner Alcohol-Free คาเลนดูล่า เฮอร์เบิล - เอ็กซ์แทรกซ์ โทนเนอร์ แอลกอฮอล์ - ฟรี   ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดผิว ขั้นตอนแรกของการบำรุงผิวหลังทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จ เหมาะกับทุกสภาพผิว และผิวบอบบางที่มีแน้วโน้มว่าจะระคายเคืองได้ง่าย มีจุดเด่นอยู่ที่ใช้ส่วนผสมของ “ ดอกคาเลนดูล่า ” ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งแตก หรือผิวหนังอักเสบ … นอกจากนี้ยังเป็นสูตรปราศจากแอลกอฮอล์ เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวมันด้วย   ส่วนผสมหลักในโทนเนอร์ คาเลนดูล่า อัลลันโทอิน : สารสกัดจากธรรมชาติที่ได้มาจากต้นคอมเฟรย์ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรยุโรปที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย และยาวนาน ช่วยปลอบประโลมผิว คาเลนดูล่า : มีถิ่นกำเนิดแถบเมดิเตอร์เรเนียน ช่วยปลอบประโลมผิว และนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรร

เปิดกรุพาส่อง 8 เซรั่มที่เคยใช้ของสาวผิวแพ้ง่ายแบบมี่


     เนื่องจากมี่เป็นคนที่ผิวแพ้ง่ายคนนึง เลยพยายามหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาผิวหน้ามาลองใช้เรื่อยๆ ประกอบกับอากาศเมืองไทยร้อนมากๆ “เซรั่ม”​จึงเป็นตัวเลือกแรกที่มี่เลือกมาใช้บำรุงผิวค่ะ วันนี้เลยจะขอเปิดกรุเซรั่มที่เคยได้ลองใช้ แล้วมารีวิวให้ชมกันค่า….

   เซรั่มที่จะนำมารีวิวในวันนี้มีทั้งหมด 8 ตัวด้วยกัน!!! มีทั้งแบรนด์ของไทย และต่างประเทศ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเรามาชมกันเลยนะคะ

1. Innisfree green tea seed serum



 เซรั่มตัวนี้จากแบรนด์สกินแคร์ชื่อดังของประเทศเกาหลีเลยค่ะ เน้นส่วนผสมสารสกัดชาเขียวออกแกนิคเชจู ช่วยในเรื่องของเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นหลัก ขวดตัวนี้เป็นหัวปั้ม สีเขียว ปกติขวดเค้าจะเป็นสีเขียวมีใบไม้ธรรมดา แต่ขวดนี้มี่ได้มาเป็นรุ่น limited edition ซึ่งจะมีลายอยู่ค่ะ



เนื้อเซรั่มตัวนี้เป็นแบบเจล สีออกน้ำตาลขุ่นจางๆ มีความเหลว กลิ่นหอมมากกกก หอมแบบละมุนไม่ฉุน เมื่อทาแล้วรู้สึกเกลี่ยง่าย บางเบา และซึมไวด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ คือใบหน้าชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำมากเลย แต่พวกรอยฝ้า กระ ยังไม่ได้ผลลัพธ์ค่ะ

ปริมาณ 160 มล. ราคา 1,000  บาท
คะแนน: 8/10

 2. NFINITY Kose Realizing White XX



เซรั่มแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น Kose ตัวนี้ เน้นหลักในเรื่องความขาวกระจ่างใสจากภายใน โดย packaging ทำออกมาสื่อความหมายได้ดีเลยค่ะ เป็นขวดมุกสีขาว หัวปั้ม และถึงแม้ว่าจะเป็นขนาดทดลองใช้ก็ยังมีที่ล็อกหัวกด เรียกได้ว่า แม้เป็นขนาดทดลองก็ทุ่มเท และใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆค่ะ เพราะถ้าเป็นบางแบรนด์ อาจจะให้แค่เป็นซอง หรือไม่ก็ขวดแบบเทธรรมดาแล้ว



เนื้อเซรั่มตัวนี้เป็นสีขาว ค่อนข้างเหลว คล้ายน้ำนม กลิ่นหอมชัดเจนแบบว่าใส่น้ำหอมแน่ๆ แต่มี่ไม่ติดอะไร เพราะกลิ่นแบบไม่ได้ทำให้หงุดหงิด หรือฉุนจนรำคาญใจ กลิ่นจะหอมแบบผู้หญิง ค่อนข้างมีความเป็นญี่ปุ่นชัดเจน คือใครที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นจะเข้าใจ มันคือความหอมละมุนแบบผู้หญิงๆ 5555 ส่วนผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ คือ ผิวชุ่มชื้นขึ้น ดูเรียบเนียน กระจ่างใส ผิวดูเปล่งปลั่งมีออร่าขึ้น รอยแดงลดลง แต่ฝ้า กระ จุดด่างดำยังไม่จางไปซะทีเดียวค่ะ

ปริมาณ​  15 มล. ราคา 350  บาท
คะแนน 7/10

3. Wild ferns bee venom serum




 เซรั่มตัวนี้ของประเทศ New Zealand ค่ะ มีส่วนผสมหลักคือ Bee Venom หรือพิษผึ้ง ช่วยเพื่อมคอลลาเจน และความยืดหยุ่นให้กับผิว นอกจากนี้ยังช่วยเติมสารอาหารให้ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เน้นหลักในเรื่องยกกระชับผิว และช่วยให้ผิวเต่งตึงค่ะ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ที่มีข้อควรระวังนิดนึง คือ คนที่แพ้เหล็กในของผึ้ง ไม่ควรใช้ และคนที่กลัวว่าจะแพ้หรือมีอาการระคายเคือง ควรทดสอบการแพ้ที่ใต้ท้องแขนก่อนค่ะ ขวดตัวนี้เป็นขวดขุ่นๆ มองเห็นเนื้อผลิตภัณฑ์เหลืองอ่อนด้านใน หัวปั้ม และมีฝาพลาสติกครอบมาอีกชั้นค่ะ


เนื้อเซรั่มตัวนี้เป็นแบบเจล สีเหลืองอ่อน ที่ทำให้นึกถึงผึ้งเลยค่ะ ส่วนเรื่องกลิ่น อันนี้ส่วนตัวไม่ชอบมากจริงๆค่ะ มันแบบหวานๆ คือเข้าใจว่า ไม่ใส่น้ำหอมแน่ๆ เป็นธรรมชาติสุดๆ คือกลิ่นออกแนวผึ้งๆมาเลยค่ะ แต่มี่ว่าบางคนก็อาจจะชอบกลิ่นแบบนี้นะคะ มันแบบหวานหน่อยๆไม่มาก มีความสดชื่นเล็กน้อย แต่ส่วนตัวไม่ชอบแนวนี้ค่ะ ในเรื่องของการเกลี่ยและซึมซับ ก็ถือว่าทำได้ดีเลย เกลี่ยแล้วซึมเลย แห้งไว ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ ผิวรู้สึกตึง และกระชับขึ้น คือเนื้อเขาจะแบบเกลี่ยแล้วซึมไปเลย ไม่ได้ทิ้งความชุ่มชื้นไว้ที่ผิวเหมือนเซรั่มตัวก่อนๆที่รีวิวมา เรียกได้ว่า เหมาะกับคนที่ต้องทาครีมต่อหลายๆตัวแล้วไม่อยากรอนาน ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยค่ะ

ปริมาณ 50 มล. ราคาประมาณ 1,250 บาท
คะแนน 6/10

4    4. Meleen Z-Cucumber



ตัวนี้มี่ขอเรียกว่า เซรั่มหน้าเด็กเลยนะคะ ตัวนี้เคยรีวิวเดี่ยวๆไปแล้ว ใช้แล้วชอบมาก ตัวนี้เป็นตัวที่มี่ใช้แล้วซื้อใช้อีก repeat มา 2  ครั้งแล้วเซรั่มตัวนี้ อยู่ภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า Meleen เป็นแบรนด์คนไทย ที่คุณภาพดีมากกกกกกก ส่วนผสมหลักของเค้าคือ สารสกัดจากปลิงทะเล และสารสกัดรกม้า รวมถึง Natural Polysaccharides ของ 2 โมเลกุล ทำให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้น สร้างคอลลาเจนฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง ลดริ้วรอย ยกกระชับผิว และกักเก็บเม็ดสี ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น เซรั่มตัวนี้มาในรูปขวดแก้วสีเขียวเข้ม เป็นหลอดหยด และมีฝาพลาสติกครอบฝาหลอดมาอีกชั้นนึงค่ะ



เนื้อเซรั่มเป็นเจลใสอมเหลืองอ่อนๆ ไม่ใส่น้ำหอม ทาแล้วให้ความรู้สึกเย็นๆนิดนึง อันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะเก็บในขวดแก้วด้วยรึป่าว แล้วมี่วางในห้องนอน พอตื่นเช้ามาทา มันก็จะเย็นๆ รู้สึกสบายผิวหน้ามากๆค่ะ ประกอบกับมี่จะมีรอยแดงบริเวณแก้มด้วยแล้ว ยิ่งทา ยิ่งฟินเลย เนื้อตัวนี้พอทาไปแล้วมันจะยังไม่ซึมทันที จะสามาถให้เราเกลี่ยได้ทั่วหน้า เป็นแบบเซรั่มเจล ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่สามารถเกลี่ยได้ทั่วหน้าค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้ คือใบหน้าดูกระจ่างใสขึ้น คือดูเฟรชขึ้น ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ ริ้วรอยบริเวณหางตา และหน้าผากดูจางลง เรียกได้ว่า หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นเลยค่ะ ที่ประทับใจสุดเลย คือรอยแดงหายไปเลยค่ะ

ปริมาณ 10 มล. ราคา 390 บาท
คะแนน 9/10

5   5. CHORKOON Anti Fine Lines Facial Serum with Boswellia Extract



อีกตัวที่เป็นเซรั่มของคนไทย แบรนด์ CHORKOON (ช่อคูน) เซรั่มตัวนี้ ชื่อ ทิพพมาลา เน้นเรื่องการปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส โดยมีส่วนผสมหลักที่ใช้ คือ สารสกัด Boswellia หรือ กำยานโอมาน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ ห้ามเลือด ลดการอักเสบของสิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอย และจุดด่างดำ นอกจากนี้ยังมี Blue-Green Algae ช่วยฟื้นฟูผิวให้เปล่งปลั่ง และ Pterocarpus marsupium wood extract ช่วยต้านเชื้อต่างๆ และเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว นอกจากสารสกัดที่กล่าวมาแล้ว ในเซรั่มตัวนี้ยังมีสารสกัดธรรมชาติอีกหลายตัวที่ช่วยออกฤทธิ์เสริมกัน เช่น สารสกัดจากใบหญ้านาง, ชะเอมเทศ, กำยานไทย, สารสกัดจากฝักคูน, ฝักวานิลลา เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ทำออกมาในรูปของขวดพลาสติกหัวปั้มสีขาว มีฝาพลาสติกปิดทับหัวปั้มอีกชั้นนึง



เนื้อเซรั่มตัวนี้เป็นครีมสีเหลือง กลิ่นสมุนไพร แบบไม่หอมเลย คือส่วนตัวไม่ชอบค่ะ แต่ถ้าใครชอบกลิ่นสมุนไพร รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ทาแล้วต้องใช้เวลาเกลี่ยหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าซึมช้า ซึมแล้วมีความหนืดที่ผิวเล็กน้อย แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ รอซักพักผิวก็จะเป็นปกติค่ะ ผลลัพธ์ตัวนี้ คือเห็นชัดในเรื่องความชุ่มชื้น แบบผิวตึงๆ หน้าแล้วหน้าเด้ง เนียนนุ่ม รอยสิวดูจางลงค่ะ โดยรวมโอเค แต่ไม่ชอบอย่างเดียว คือกลิ่นที่เป็นสมุนไพรมากไปค่ะ

ปริมาณ​ 30 มล. ราคา 1,500 บาท
คะแนน 6/10

6 6. Innisfree whitening pore synergy serum



เซรั่มของ Innisfree อีกตัวที่ขอหยิบมารีวิว เป็นเซรั่มที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากเปลือกส้มเจจู ซึ่งมีฟลาโวนอยด์ (อนุพันธ์หนึ่งของ วิตามินซี) มากถึง 6  ชนิด เป็น ดูโอ-ฟังก์ชั่น คือ เป็นเอสเซนซ์ และแอมพลู ผสมกัน และเป็น ทรี อิน วัน ไวเทนนิ่ง ช่วยแก้ปัญหาสิว และรูขุมขน ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นขวดตัวนี้เป็นแนวทรงสูง โปรงแสง เห็นสีเซรั่มส้มอ่อนจางๆในขวด มีฝาสีขาวปิดทับหัวปั้มที่ซ่อนอยู่ด้านในค่ะ


เนื้อเจลตัวนี้เป็นแบบเอสเซนซ์ ผสม แอมพลู คือ มันจะเป็นเนื้อครีม + เจล ผสมเกล็ดส้มหน่อยๆ เรียกได้ว่า แปลกดี เมื่อกดออกมา เนื้อมันจะเหมือนไม่เป็นเนื้อเดียวกัน จะเหมือนเป็นเนื้อครีมแล้วมีเจลใสๆหุ้มอยู่ กลิ่นออกแนวส้ม เปรี้ยวๆแบบอ่อนๆ คือโอเค ไม่สร้างความรำคาญใจ แต่ให้อารมณ์สดชื่น กระปรี้กระเปร่า รู้สึกว่าได้รับพลังงานเพิ่มจากกลิ่นนี้เลยค่ะ ทาแล้วเนื้อครีมและเจลผสมกันได้ดี ใช้เวลาเกลี่ยเล็กน้อย จากนั้นจึงจะค่อยๆซึมเข้าสู่ผิว หลังใช้รู้สึกว่าผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น มีความกระจ่างใส และสดชื่นของผิว คือผิวดูเปล่งปลั่งขึ้น ตัวนี้ชอบมากที่กลิ่นให้พลังงานเราได้ วันไหนเหนื่อยล้า พอได้กลิ่นส้มจางๆนี้ไป รู้สึกว่าได้รับการเติมพลังขึ้นมาเลยค่ะ

ปริมาณ​ 50 มล. ราคา 950 บาท
คะแนน 8/10

  7. ESTEE LAUDER Advanced Night Repair



เปรียบเทียบเซรั่มทั้งที แบรนด์ดังที่ขายตามห้างก็ต้องมีมาเทียบให้ดูกันนิดนึงนะคะ แต่ตัวนี้มี่ลองใช้ขนาดทดลองนะคะ เพราะขนาดปกติ แพงมากจริงๆค่ะ เซรั่มที่โด่งดังของ ESTEE LAUDER ตัวนึงที่เป็นที่กล่าวขวัญอย่างโจทย์จานเลยก็คือ Advanced Night Repair ตัวนี้มาในรูปขวดสีชา แบบสี่เหลี่ยม มีฝาสีทอง เรียกได้ว่าดูหรูหรา เลอค่าค่ะ ซึ่งก็ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นะ พอเห็นปุ๊บก็รู้เลยว่า อ่อ ESTEE LAUDER เนอะ


เนื้อตัวนี้เป็นแบบเจล ค่อนข้างเหลว สีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นจางๆ แต่ไม่ใช่แนวหอมหวาน เรียกว่า โอเค ไม่ได้ฉุน หรือรับไม่ได้ไม่หอมนะคะ แบบกลิ่นครีมและอาจเป็นกลิ่นส่วนผสมที่อยู่ในนั้นค่ะ เนื้อตัวนี้ซึมไวถึงขีดสุด ทาแล้วซึมเลยไม่ต้องใช้เวลารอเกลี่ยนาน แม้ว่าจะเป็นเนื้อเจลแบบตัวอื่นๆ และเนื้อค่อนข้างเหลวมากก็ตาม แต่ทาแล้วก็ซึมไวเลย เข้าใจเลยว่า ของแพงก็มีดีตรงนี้ด้วยนี่เอง ผิวดูชุ่มชื้น เต่งตึง กระชับ ใช้เพียงนิดเดียว สามารถเกลี่ยได้ทั่วหน้าเลยค่ะ

ปริมาณ 24 FL. OZ ราคา 300 บาท
คะแนน 8/10

8   8. OR’JADE D-Clinic Multi peptide Ampoule



จะเห็นได้ว่าตัวนี้เขาไม่ใช้ชื่อว่า เซรั่ม แต่ใช้ว่า Ampoule (แอมพูล) ก็เลยขออธิบายความต่างนิดนึงนะคะ “เซรั่ม” ก็คือ ตัวบำรุงผิวที่มีความเข้มข้นสูง ช่วยในเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้น หรือ ลดริ้วรอย มักเป็นเนื้อเจล หรือของเหลว ใช้บำรุงในขั้นตอนแรกหลังจากทาโทนเนอร์เสร็จ ส่วน “แอมพูล” ก็คือเซรั่ม หรือเอสเซ้นส์นั่นแหละ แต่มีพลังในการบำรุงสูง มักจะช่วยบำรุงผิวแบบเร่งด่วน กล่าวคือ ถ้าสภาพผิวพัง อ่อนล้า ต้องการตัวช่วย ต้องเลือกแอมพูลก่อนเลย ก็คือทาแอมพูล ก่อนทาเซรั่ม หรือเอสเซ้นต์ตัวอื่นๆค่ะ  แอมพูล OR’JADE D-Clinic ที่หยิบมารีวิวตัวนี้ มาจากประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้นวัตกรรมในการเติมสารอาหารใต้ผิวหนัง ทำใหผิวหน้ากลับมาแข็งแรง และสุขภาพดีค่ะ



ตัวนี้มาในรูปของขวดแก้ว ใส ฝาหัวปั้ม และมีฝาพลาสติกใส ปิดทับมาอีกทีค่ะเนื้อตัวนี้เป็นเนื้อเจลใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เนื้อค่อนข้างเกลี่ยได้ง่าย ใช้เวลาซึมเล็กน้อย ผิวมีความชุ่มชื้น เต่งตึง กระจ่างใสขึ้น ดูผิวสุขภาพดี มีออร่า เรียกได้ว่า ถ้าเป็นคนนอนดึก ทาตัวนี้ไป ตื่นขึ้นมาหน้าจะดูสดใสขึ้นค่ะ

ปริมาณ 50 มล. ราคา 950 บาท
คะแนน 8/10

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการเปิดกรุเซรั่มบำรุงผิวของมี่ จะบอกว่า เซรั่มหรือสกินแคร์ที่เลือกใช้นั้น ขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล สิ่งที่มี่เห็นว่า ดี แต่บางคนอาจจะใช้แล้วไม่ถูกใจก็ได้ วันนี้ก็เลือกขอมาแชร์ประสบการณ์และความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองใช้เซรั่มทั้ง 9 ตัวนี้ให้ชมกันนะคะอ่อ จะบอกว่าใช้เซรั่มแล้ว ก็ต้องใช้ครีมด้วยนะคะ เพราะมันทำหน้าที่ต่างกัน เซรั่มจะช่วยบำรุงผิวชั้นใน แต่ครีมช่วยบำรุงผิวชั้นนอน ถ้าเราเติมน้ำใต้ผิวแล้ว แต่ไม่หาเกราะป้องกันให้ผิวชั้นนอก อย่างไรเสีย ผิวชั้นในก็มีโอกาสโดนทำลายอยู่ดีค่ะด้วยรักและห่วงใยนะคะ

++++ขอบคุณที่เข้ามาชมกันค่ะ++++

ติดตามผลงานของมี่ได้ทาง...
IG: miieiie
Youtube: miieiie1
Twitter: miieiiem

Comments

Popular posts from this blog

Review: สบู่ Asepso (อาเซปโซ) สูตรออริจินัล

Review: VISTRA IMU-PRO C Acerola Cherry 2000 Plus

รีวิวเซเว่น: ลูกอมแตงโม PLAYMORE